นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ เฟทโก้ เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปีภาครัฐควรมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใน 5 เรื่องหลัก คือ 1.ภาคท่องเที่ยวซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ใช้เงินน้อยแต่ได้ผลเยอะ ซึ่งหากทำได้จะเป็นเป้าหมายที่ดี ทำให้สามารถเปิดประเทศในช่วงปลายปีได้ จากการให้งบการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มากขึ้น เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ประเทศไทย 2.จัดแคมเปญต่างๆ ที่เป็นปีการท่องเที่ยวของไทย ตามด้วยการกระตุ้นมาตรการการใช้จ่ายในบางส่วน เพื่อสอดรับกับการบริโภคที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้
รวมไปถึง 3.มาตรการเงินดิจิทัลที่ต้องติดตามว่าสามารถเร่งเดินหน้าได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงดำเนินการจ่ายอย่างไร 4.เรื่องของเอสเอ็มอีอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือการค้ำประกันเข้าถึงสินเชื่อของภาคท่องเที่ยวและเอสเอ็มอีรายเล็กที่กำลังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ รวมทั้งกลุ่มที่ยังได้รับผลกระทบจากโควิด 5.การลงทุนโดยตรงจากโครงการต่างๆ ที่ผ่านการอนุมัติแล้ว เพื่อช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และการดึงดูดนักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามาในไทย โดยปลดล็อกเรื่องกฎเกณฑ์การเข้าเมืองไทย รวมถึงเร่งให้นักลงทุนต่างชาติตัดสินใจลงทุนในไทยเร็วขึ้น
“การเร่งให้ต่างชาติตัดสินใจลงทุนเร็วขึ้น แนะนำว่าควรใช้ลักษณะเดียวกับในอังกฤษที่มีการจัดตั้งทีมงานประสาน อีอีซี บีโอไอ และประสานกระทรวงต่างๆ เพื่อปลดล็อกให้กับต่างชาติที่อยากจะเข้ามาลงทุน เพราะขณะนี้ต่างชาติอยากเข้ามาลงทุนในไทยเยอะมาก ที่เรียกว่า หัวกระไดไม่แห้ง เพียงแต่จะมาเจอกฎเกณฑ์ต่างๆ ของไทยที่ไม่เอื้อ มีขั้นตอนเยอะ และส่งต่อไปยังหลายหน่วยงาน รวมทั้งติดในเรื่องข้อกฎหมายเยอะ ฉะนั้น หากเรามีทีมงานเล็กๆ ภายใต้นายกรัฐมนตรี หรือสำนักนายกฯ ในการช่วยตอบโจทย์นักลงทุน ที่สำคัญจะทำให้เรื่องนี้ได้ประโยชน์อย่างยิ่ง ช่วยให้ตลาดหุ้นดีขึ้นด้วย”คำพูดจาก ทดลองเล่น
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ในเรื่องของเงินดิจิทัลนั้น จะต้องให้รัฐบาลหารือกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณก่อน เพราะการแจกงานคนละ 10,000 บาท ใน 50 ล้านคน จะต้องใช้งบประมาณถึง 5 แสนล้านบาท จากปกติมีงบประมาณเหลือเพียง 2 แสนล้านบาท ที่สามารถจัดสรรในโครงการที่มาจากการหาเสียงเลือกตั้งได้โดยไม่ต้องเป็นภาระมากนัก และส่วนที่เกินมา รัฐบาลจะต้องตัดสินใจว่า หากจะเดินหน้าตามนโยบายหาเสียงนั้น รวมหลากหลายโครงการที่ใช้เงินไม่น้อยนั้นหรือไม่ และจะต้องสร้างภาระเป็นเงินเท่าไหร่ ซึ่งอาจมาจากการยกเลิกโครงการเก่าบางโครงการ หรือกู้ยืมเพิ่มเติม
ส่วนการแจกเงินดิจิทัลในรูปแบบยูทิลิตี้ โทเคน นั้นมองว่า รัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาเรื่องกฎหมายต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อน เพราะก่อนหน้านี้ ธปทคำพูดจาก ทดลองปั่นสล็อต. ประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่า ยูทิลิตี้ โทเคน ไม่สามารถใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ชำระเงิน หรือโอนมูลค่าเพื่อชำระราคาสินค้า บริการ และเมื่อมีข้อกฎหมายรองรับเรียบร้อยแล้วต้องมาดูว่าสุดท้ายจะนำไปสู่รูปแบบการแจกเงินที่เหมาะสมอย่างไร กระทบวินัยการคลังหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องรอให้หน่วยงานต่างๆ หารือกันให้เรียบร้อยว่า ทางออกที่มีกฎหมายรองรับและอยู่ในวินัยคืออะไร